2552/10/08

Truly Deeply Chocolate Fudge Ice cream




อากาศร้อนๆแบบนี้ ทานไอตีมกันดีกว่านะคะ ที่บอกว่าเป็น Truly Deeply Chocolate Fudge Ice cream เพราะดัดแปลงสูตรนิดหน่อย ตามสูตรแล้วเป็น Chocolate Fudge Ice cream  แบบธรรมดา แต่เราจอมดัดแปลงไม่เพิ่มไม่ได้แล้ว เพราะไม่ใช่เรา อิอิอิ..เลยตั้งชื่อให้ใหม่ซะเลย ที่เพิ่มเข้าไปคือ โก้โก้ และ ช็อกโกแลต ROYCE ค่ะ เพราะเพื่อนนิคผู้ใจดีเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น เธอซื้อมาฝากสามกล่องเลย..เดี๋ยวหมดอายุเสียก่อน เลยใส่เข้าไปในไอติมนี่แหละ

สูตร (ต้นตำหรับ)
1.นม         300 มล
2.วิปปิ้งครีม     300 มล
3.ช็อกโกแลต    100 กรัม
4.เนยจืด        25 กรัม
5.น้ำตาล       125 กรัม
6.Golden syrup  75 มล
7.ไข่ไก่         4 ฟอง
8.วานิลลา        1 ชช
เพิ่มเอง
9.โกโก้
10. ROYCE Chocolate

ไม่ได้ถ่ายรูปขั้นตอนการทำนะคะ เพราะทำตอนกลางคืน กว่าจะเสร็จกว่าตีหนึ่งกว่าๆแล้ว..


ถ่ายรูปไปกินไปค่ะ


สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ค่ะ

Blissful Brownies






ยังจำขนมชิ้นแรกที่เคยทำกันได้มั๊ยเอ่ย?? เจ้านี่ นี่แหละค่ะ...บราวนี่...เป็นจุดเริ่มต้นของการทำขนมมีพี่ที่รู้จักคนหนึงชอบทำขนมมาให้น้องๆทานเกือบจะทุกวัน เอ้ยแทบทุกวันเลยว่าได้ ยกเว้นวันที่ไม่มีเรียน วันเวลาผ่านไปพี่เค้าทำบราวนี่ให้ในวันเกิดเรา เราเกิดติดอกติดใจก็เลยขอสูตรซะเลย ได้สูตรมาตั้งแต่ยังไม่มีอุปกรณ์ใดๆในการทำขนม ดองสูตรอยู่นานเหมือนกัน จนวันนี้ค่ะ วันที่มีเป็นของตัวเอง ทำเอง กินเอง อ้วนเอง..เอ๋งเอ๋ง
สูตร
1.แป้งเอนกฯ    150 กรัม
2.โกโก้           50 กรัม
3.ผงฟู            1 ชช
4.เนยเค็ม        227 กรัม
5.น้ำตาลทราย   280 กรัม
6.ไข่ไก่            4 ฟอง
7.วอลนัต         200 กรัม(อบ)
8.ช็อกโกแลตชิป  200 กรัม(แบ่ง 100/100 กรัมนะคะ)
9.วานิลลา         1 ชช
10.เหล้ารัม        1 ชต
11.เอสเปรสโซ่    1 ชต (แล้วแต่ชอบ)

วิธีทำ
1.วอร์มเตาอบที่180°C/ 350°F ทาเนยและรองกระดาษไขที่พิมพ์
2.ร่อนแป้ง ผงฟู โก้โก้ พักไว้
3.นำเนยขึ้นตั้งไฟอ่อนจนละลาย แล้วใส่ช็อกโกแลตชิปลงไป 100 กรัม คนให้ละลาย ตามด้วยน้ำตาล คนให้เข้ากันแล้วเติมไข่ วานิลลา
4.เติมแป้ง โกโก้ ผงฟู ลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน
5.เติมช็อกโกแลตชิปที่เหลือลงไปตามด้วยถั่ว หรือจะใช้ช็อกโกแลตชิปโรยหน้าก็ได้คะ
6.อบ ไฟ บน-ล่าง 25-30 นาที หรือจนอยู่ตัว เมื่อใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป มีเศษเนื้อบราวนี่ติดออกมานิดหน่อยก็ไม่เป็นไรจ้า
7.พักไว้บนตะแกรงจนเย็น แล้วค่อยตัดเป็นชิ้นตามความพอจาย

 
ด้วยความขี้เกียจหาพิมพ์สี่เหลี่ยม เลยอบใส่พิมพ์กลมแทนแบบนี้..คงไม่เป็นไรมั่งเน๊อะ..แล้วแต่ชอบแล้วกัน วันนี้ทำ1/4 สูตร เพราะไม่อยากกินเยอะ แค่นี้น้ำหนัหก็เกินแล้วววว




Pineapple with mint sugar






เห็นพ่อหนุ่ม Jamie Oliver ทำแล้วเลยเกิดกิเลสอยากกินมั่ง เพราะมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบ เตรียมดังนี้เลยนะคะ
1. สับปะรด    
2. น้ำตาลทราย 
3. สะระแหน่
4. เกลือ
5. โยเกิร์ต(ไม่ใส่ก็ได้ แล้วแต่ชอบค่ะ)

วิธีสุดแสนง่ายค่ะ โดยการหั่นสับปะรดให้บางๆไว้ จัดใส่จานให้สวยงาม แล้วบดสะระแหน่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน(ตามชอบเลยนะคะ)แล้วโรยบนสับปะรดที่จัดไว้ในจาน แล้วก็ราดด้วยโยเกิร์ตอีกที่ แค่นี้ความอร่อยก็เกิดขึ้นค่ะ




PS.เรื่องรสชาติแล้วแต่ความชอบเปรี้ยว-หวาน ของแต่ละคนนะคะ

2552/10/06

My way.. My Breakfast




จริงๆแล้วไม่ต้องกินเป็นอาหารเช้าก็ได้นะคะ กินตอนหิวก็ได้ แต่อย่าหิวบ่อยนักนะเดี๋ยวอ้วนไม่รู้ด้วย....วิธีทำก็สุดแสนง่าย เริ่มกันเลยนะคะ
เตรียมดังนี้เลยจ้า
1.ใส้กรอกที่ชอบ
2.เห็ดที่ชอบ แต่แนะนำเห็ดออริจิคะ
3.มะเขือเทศผ่าครึ่ง
4.แฮม
5.ไข่ไก่
6.น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย
วิธีทำ
1.ทอดใส้กรอกกับน้ำมันมะกอก พอเริ่มสุกก็ใส่มะเขือเทสลงไป แล้วตามด้วยเห็ด แฮม
2.โรยเกลือ พริกไทย พอทุกอย่างเกือบสุก ใส่ไข่ลงไป เขย่ากระทะนิดหนึงให้ไข่ขาวลงไปอยูก้นกระทะ เพราะทุกอย่างจะได้ติดเป็นแผ่นเดียวกัน
3.เมื่อไข่ขาวสุกแล้ว (ไข่แดงไม่สุกไม่เป็นไร) นำเข้าเตาอบ แค่พอไข่แดงสุก หรือถ้าใครไม่อยากใช้เตาอบก็ใช้ที่เป่าแก๊ส(blowtorch)ก็ได้ค่ะ




กินกะขนมปังชิ้นหนาๆ ปิ้งแค่กรอบนอกนุ่มใน...โอ้วอร่อยสุดฤทธิ์ค๊า

Baked Apples





วันนี้มีของทานเล่นๆมาฝากค่ะ ทำเหมือนจะยากแต่ง่าย ได้สูตรมานานแต่ไม่ได้ลองทำสักที่ ซื้อแอปเปิ้ลมาจนจะเน่าอยู่แล้ว เฮ้อ..ได้ฤกษ์ซะที  เริ่มเลยนะคะ

ส่วนผสม (ทำครึ่งสูตร)
1.แอปเปิ้ลขนาดกลาง       2 ลูก
2.น้ำมะนาว             1 ชต
3.บลูเบอร์รี่             25 กรัม(ไม่มีไม่เป็นไร ใช้ลูกเกดแทนได้)
4.ลูกเกด               25 กรัม
5.ถั่วต่างๆ              25 กรัม
6.ซินเนม่อนบด           1/8 ชช
7.น้ำตาลทรายแดง         1 ชต
8.ไวน์แดง              140 มล.
9. แป้งข้าวโพด          1 ชช
10.น้ำเปล่า             1 ชช


 

วิธีทำ
1.วอร์มเตาอบ 200°C
2.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด เอาแกนออก กรีดรอบแอปเปิ้ลหนึ่งรอบ แล้วพรมน้ำมะนาว
3.ผสมบลูเบอร์รี่ ลูกเกด ถั่ว ซินเนม่อน น้ำตาล ให้เข้ากันแล้วใส่ตรงที่เอาแกนออก ชอบเยอะก็ใส่มากหน่อยนะคะ แล้ววางบนถาดอบ
4.ก่อนอบราดด้วยไวน์แดงให้ทั่วนะคะ
5.อบ 200 องศา ไฟ บน-ล่าง นาน 40-45 นาที หรือแค่พอนิ่ม ทิ้งให้อุ่นๆ
6.ก่อนเสริฟก็ผสม น้ำเปล่า แป้งข้าวโพด กลับน้ำที่ได้จากการอบ แล้วราดบนแอปเปิ้ล โรยถั่วอีกนิดหน่อยค่ะ


 
 
 

ตอนอบนี้..กลิ่นหอมทั้งบ้านนเลยค่ะ ช๊อบ..ชอบ จริงๆแล้วอบออกมานิ่มไปด้วยซ้ำ อาจเพราะซื้อแอปเปิ้ลทิ้งไว้นานเกิน หรือเพราะตามสูตรแล้วใช้แอปเปิ้ล 4 ลูก เราลืมลดเวลาก็เลยนิ่มแบบนี้..แต่ไม่เป็นไรอร่อยเหมือนกัน..

ผ่าครึ่งให้เห็นกันชัดๆ

อร่อยนะคะ ลองดูน๊า











2552/10/05

Chocolate Soufflé Cake


ส่วนผสม

1.ช็อคโกแลต    140 กรัม
2.นม             400 มล.
3.เนยจืด         40 กรัม (อุณหภูมิห้อง)
4.แป้งเอนกฯ     20 กรัม
5.ไข่ไก่           6 ฟอง(แยกไข่แดง-ขาว)
6.น้ำตาล         60 กรัม
7 เนยและโกโก้สำหรับทาพิมพ์

วิธีทำ
1.วอร์มเตาอบที่180°C/ 350°F
2.ทาเนยที่ถ้วยแล้วโรยโกโก้ คว่ำถ้วยลงแล้วเคาะเบาๆเพื่อทิ้งเศษโกโก้ที่เหลือ
3.ต้มนมด้วยไฟอ่อนจนเริ่มร้อน (อุ่นๆก็พอ) ยกลงจากเตาใส่ช็อคโกแลตลงไป คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน
4.ละลานเนยบนหม้ออีกใบ พอเนยละลายเติมแป้ง คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ยกลงจากเตา เติมไข่แดงที่ละนิด คนไปเรื่อยๆจนหมด (ระวังอย่าให่เนยร้อนจนเกินไปนะคะ เดี๋ยวไข่สุก) แล้วผสมกับส่วนของช็อคโกแลต คนจนเนียน ถ้าเนยยังเป็นก้อนอยู่ ให้กรอง แล้วก็บี้กับกระชอนก็สำเร็จแล้วคะ
5.ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายจนตั้งยอดแข็ง แล้วผสมกับส่วนของช็อคโกแลต(แบ่งใส่สักสามครั้งนะคะ)
6.อบ 180 องศา 25-30 นาที แบ่งได้ประมาณ 8 ถ้วย เทให้ได้ 3/4 ของถ้วยนะคะ


Red velvet sandwich cake


อารมณ์แบบว่าอยากกินคุ๊กกี้ แต่กลัวอ้วน(มากไปกว่าเดิม ฮ่าๆๆ)เพราะเนยเยอะ เลยทำอะไรที่คล้ายๆกันแทน..(แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเล๊ย) เพื่อนๆพี่ๆ น้องคงมีสูตร Red Velvet ที่ถูกใจกันแล้วนะคะหรือถ้าใคนยังไม่มีก็ ที่นี่ เลยค่ะ

 

วันนั้เราทำสองแบบคือ แบบคลุกฝุ่น และไม่คลุกฝ่น ล้อเล่นจ้า แบบมีถั่วและไม่มีถั่วต่างหาก และถ้าจะให้อร่อยมากกว่านี้อีกต้องสอดใส้ Cheesecake Ice cream นะคะ รับรองอร่อยยอมอ้วนเลย..

2552/10/04

Home made Pizza






วันนี้เพื่อนมาที่บ้าน เธอบอกอยากกินพิซซ่า พอดีมีสูตรอยู่แล้ว (ของคุณแก้ม)ก็เลยทำให้ตามคำเรียกร้อง ... อร่อยนะคะ สงสัยที่อร่อยเพราะหิวและหน้าเยอะมาก ชอบอะไรก็ใส่ๆเข้าไป เลยเป็นอย่างที่เห็น และแคลอลี่ก็กระฉูดเหมือนหน้าพิซซ่าเลย..



เพื่อนถามว่าพิซซ่าหน้าอะไร ตอบไมได้เลย เพราะมีอะไรก็ใส่ๆเข้าไปตามที่ชอบ ...ก็เลยบอกเพื่อนว่าหน้าสงสารและเวทนาก้แล้วกัน..หวาย ....บอกแบบนี้แล้วใครจะกล้ากินละเนี๊ย..




สูตรก็ตาม Blog ของคุณแก้ม(cook with love bake with heart)เลยนะคะ
จริงๆแล้วเคยแปลงส่วนผสมให้เป็นกรัมแล้วรู้สึกว่ามันเหลวไป ถ้าใส่แป้งแบบเป็นถ้วยตามคุณเก้มแล้วมันเป๊ะๆเลย ..ยังงัยก็ลองทำดุนะคะ นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้นเองจ้า
อ้อ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผสมแป้งเสร็จแล้วค่อยทำซอสพิซซ่านะ เผื่อใครหิวจะได้เร็วขึ้นอีกนิดค๊า..


2552/10/03

Love at first bite : Carrot Cake,French style



 

อย่างที่บอกคะว่าหลงรักตั้งแต่คำแรกเลยให้ความรู้สึกเหมือนกินบิสกิตที่หนึบๆ ทำง่ายด้วยนะคะ


ยิ่งถ่ายขนมก็ยิ่งหาย



จะอบในถาดเหลี่ยมหรือกลมก็ได้นะคะ ถ้าถาดกลมก็น่าทานไปอีกแบบ

สูตร
1.เนยจืด        115 g
2.น้ำตาล        250 g
3.ไข่            5 ฟอง
4.อัลมอนด์       225 g (อบ)
5.แป้งเอนกฯ       90 g
6.แครอท         40 g  

วิธีทำ
1.วอร์มเตาอบที่ 160°C ทาเนยและรองกระดาษไขที่พิมพ์
2.บดอัลมอลด์และแป้งรวมกัน(เราบดอัลมอลด์แค่หยาบๆเพราะเวลาเคี้ยวแล้วกุ๊บๆดี) แล้วขูดแครอทให้เป็นฝอย พักไว้
3.ตีเนยจนเนียน ทยอยใส่น้ำตาลทีละนิด ตีต่อจนเบาฟู
4.เติมไข่ที่ฟอง ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี (ถ้ากลัวมีกลิ่นคาวก้เติม vanilla ได้ค่ะ แอบเพิ่มนิสหนึง)
5.เติมส่วนผสมแป้ง และแครอท คนให้เข้ากัน
6.อบ 160 องศา ไฟ บน-ล่าง นาน 40 นาที .. อ้อ อย่าลืมทาเนยที่ถาดอบและรองด้วยกระดาษไขนะคะ ไม่งั้นแกะยากน่าดูเลย

PS.โดยส่วนตัวแล้วแอบเพิ่มแครอทเข้าไปอีกนิดหนึงด้วย เพราะรู้สึกว่าแครอทน้อยเกินไป ไม่รู้เป็นอะไร ชอบแปลงสูตรอยู่เรื่อยเลยเรา นิสัยไม่ดีเลย..


2552/10/02

???? Cake



ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรดีเพราะเอาของที่มีเหลือมาทำ ตัวเค้กเป็นสปันจ์( Batter เหลือก็เลยอบใส่ถาดสี่เหลี่ยมเล็ก) Filling เป็น Chocolate ganache โรยทับด้วยเค้กช็อกที่บี้ๆให้เป็นชิ้นเล็กๆอีกที่ ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ




A couple of Oatmeal Cookies